วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มาทำความเข้าใจเรื่องแบตเตอรี่รถยนต์กัน

                  ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่ารถยนต์ที่เราๆใช้กันอยู่ทุกวันนั้น นอกจากใช้น้ำมันเป็นตัวขับเคลื่อนรถยนต์กันแล้วนั้น แล้วรถที่เราใช้กันนั้นมันดึงไฟฟ้าจากไหนมาใช้กับแอร์ หรือวิทยุภายในห้องเครื่องผู้โดยสารกันแน่ ว่าแล้ววันนี้ผมจะมาเฉลยคำตอบนี้ให้แก่ทุกคนที่เคยสงสัยในคำถามนี้กันครับ

                 แบตเตอรี่รถยนต์ทำหน้าที่ ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆของเครื่องยนต์เพื่อให้ทำงานได้ เช่นการสตาร์ของมอเตอร์โดยใช้ระบบการจุดระเบิดในขณะที่สตาร์รถยนต์นั้นเอง นตอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่างด้วย เช่นระบบไฟส่องสว่าง หรือวิทยุในรถยนต์เป็นต้น
 สรุปแบตเตอรรี่รถยนต์นั้นไม่ใช่แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า แต่เป็นตัวเก็บไฟสำรองเพื่อนำไปจ่ายให้แก่อุปกรณ์ต่างๆของเครื่องยนต์นั้นเอง

                แบตเตอรี่รถยนต์สามารถแบ่งได้ 2 ชนิดคือ
               1.แบบเปียก; เป็นที่นิยมใช้เป็นอย่างจำนวนมาก โดยสามารถแบ่งย่อยออกได้อีก 2 แบบคือแบบที่ต้องเติมน้ำกลั่นและต้องดูแลบ่อยๆอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรืออีกแบบคือไม่ต้องดูแลบ่อย (Maintenance Free) ใช้น้ำกลั่นน้อยโดยทั้ง 2 แบบจะมีฝาเปิด-ปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น โดยในแบบแรกนั้นจะมีอายุการใช้งานโดยประมาณปีครึ่งหรือสองปีแต่ไม่ควรเกิน 3 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและดูและรักษา)
               2.แบบแห้ง;ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีความทนทานมีอายุการใช้งานที่ยาวกว่าและมีราคาแพงกว่า  แบตฯชนิดนี้จะไม่มีฝาเปิด-ปิดสำหรับใช้ในการเติมน้ำกลั่น หรือไม่ก็มักจะถูกซีลทับฝามาเลย แต่จะมีตาแมวไว้สำหรับไว้คอยตรวจเช็คระดับน้ำกรดและไฟชาร์จ

                 การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์
                - ถ้ามีการการติดตั้งอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติม เช่นระบบเครื่องเสียง หรืออุปกรณ์อำนวยอื่นๆก็ควรจะเพิ่มขนาดของแอมป์ให้สูงขึ้นด้วย แต่ต้องอย่าลืมคำนึงเรื่องที่ว่าแบดเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นมักจะมีขนาดของแบตฯใหญ่ขึ้นด้วยดังนั้นอย่าลืมดูเรื่องของฐานแบตฯเดิมของรถตนว่าสามารถรองรับแบตฯอันใหม่ได้หรือไม่

                คำเตือน;เวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นไม่ควรจะลดขนาดของแอมป์ลงโดยเด็ดขาด  แต่สามารถเลือกแบตเตอรี่ให้มีขนาดแอมป์สูงขึ้นได้ประมาณ 10-30 แอมป์







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น